ชัวร์ก่อนแชร์ : คลิปแนะนำผู้ใช้รถยนต์ถึงวิธีการสตาร์ทรถยนต์เมื่อแบตเตอรี่อ่อนใช้ได้ จริงหรือ ?
230.8 هزار بار بازدید -
2 سال پیش
-
15 พ.ค. 65 - บนสังคมออนไลน์แชร์คลิปแนะนำผู้ใช้รถยนต์ถึงวิธีการสตาร์ทรถยนต์เมื่อแบตเตอรี่อ่อน
15 พ.ค. 65 - บนสังคมออนไลน์แชร์คลิปแนะนำผู้ใช้รถยนต์ถึงวิธีการสตาร์ทรถยนต์เมื่อแบตเตอรี่อ่อน ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร ติดตามกับ คุณพีรพล อนุตรโสตถิ์ จากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
🎯 ตรวจสอบกับ ดร.นภดล กลิ่นทอง
ที่ปรึกษาสมาชิกอุ่นใจใกล้ช่าง
🔎 ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย พงศ์อิทธิ์ เชิดชูวงศ์
-----------------------------------------------------
📌 สรุป : จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์
Q : วิธีการสตาร์ทรถเมื่อแบตเตอรี่อ่อนแบบที่เขาแชร์กันนี้ จริงไหมครับ ?
A : วิธีนี้เป็นวิธีที่อันตรายครับไม่แนะนำเลย สายที่เขาปลดออกนั่นคือสายของมอเตอร์สตาร์ทโดยตรง โดยปกติแล้วจากสวิตช์กุญแจเราจะผ่านเขาเรียก รีเลย์สตาร์ท
รีเลย์สตาร์ทก็คือมีหน้าที่ต่อสายไฟเส้นที่เราเอามาแตะนี่นะครับ แตะไปโซลินอยด์ผ่านคอนแทคมา มันจะทำให้รีเลย์ลดการกินกระแสไฟฟ้าลง เนื่องจากสวิตช์กุญแจเราผ่านขดลวดรีเลย์เท่านั้น
เพราะฉะนั้น แล้วมันจะกินกระแสน้อยในระบบปกติ ในคลิปที่มันติดได้ เพราะว่าเนื่องจากแบตเตอรี่ยังมีไฟเพียงพอ อยู่ที่จะทำให้มอเตอร์สตาร์ทนั้นหมุนนะครับ ถ้าแบตเตอรี่หมดไม่มีทางติดได้ครับ การที่ไม่มีแบตเตอรี่เลยมันไม่ติด เพราะอะไรนะครับ เนื่องจากมอเตอร์สตาร์ทกินกระแสสูงนะครับ ที่เราเห็นนั่นคือเป็นตัวแค่เปิดสะพานไฟนะครับ นำสะพานไฟเข้าไปต่อเฉย ๆ ตัวกินกระแสใหญ่ ๆ คือตัวมอเตอร์สตาร์ทซึ่งมันกินกระแสอย่างเครื่องยนต์ดีเซล 70 - 100 แอมป์ เครื่องยนต์เบนซินก็ประมาณ 60 - 70 แอมป์
เพราะฉะนั้นแล้ว การกินกระแสสูงแบตเตอรี่จะต้องใช้พลังงานเยอะที่สุด จึงสังเกตได้ว่า ในขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์ จะเห็นว่าไฟทุกดวงในรถจะดับหมด เขาถึงห้ามเปิดแอร์ ห้ามเปิดไฟหน้าไว้นะครับ อันนี้คือเหตุผลก็คือต้องการเอาพลังงานทั้งหมดไปให้มอเตอร์สตาร์ทหมุนเครื่องยนต์ครับ
Q : ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ?
A : การที่ต่อแบตเตอรี่ตรง เนื่องจากสายนี้มันมีขั้วพลาสติกอยู่ขั้วโลหะ มันจะอยู่ลึกมันจะเกิดการอาร์คขึ้น เพราะกินกระแสสูง อาจจะทำให้สายเส้นนั้น ชำรุดเสียหายได้ครับ เนื่องจากรถยนต์ทุกวันนี้มันมีกล่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้สัญญาณสตาร์ท หรือสัญญาณที่เราต่อไปมอเตอร์สตาร์ทนี่หล่ะ ไปใช้ในระบบต่าง ๆ มากมาย
เพราะฉะนั้น แล้วถ้าเกิดการอาร์คหรือการกินกระแสสูง ๆ อาจจะทำให้กล่องคอมพิวเตอร์พวกนั้นชำรุดได้ครับ อย่างอื่นที่เสียหายแน่ ๆ คือขั้วมอเตอร์สตาร์ทที่เราจิ้มหล่ะครับ ที่เราเอาไปแตะมันจะเกิดการอาร์คนะครับ ขั้วโลหะอาจจะเกิดรอยไหม้เมื่อต่อกลับไปมันอาจจะใช้งานไม่ได้ครับ
Q : ที่ปรึกษาสมาชิกอุ่นใจใกล้ช่าง ยังอธิบายเพิ่มเติม ?
A : ถ้ารถยนต์เราเป็นระบบ Stop & Start หรือมีปุ่มสตาร์ทไม่แนะนำให้ทำเลยครับ เพราะจะเกิดข้อผิดพลาดข้อเสียหายเยอะนะครับ เช่น กล่องควบคุมการสตาร์ท สวิตช์สตาร์ทด้วย เพราะว่าสายสตาร์ทอย่างที่ผมกล่าวไว้แล้วว่า สายสตาร์ทมันต่อไปยังคอมพิวเตอร์อื่น ๆ อีกมากมายในรถรุ่นใหม่ ๆ
เพราะฉะนั้นแล้ว การที่เกิดการอาร์คทำให้กล่อง ECU ในระบบที่ต่อไปยังมอเตอร์สตาร์ทต่อพ่วงมาจากสัญญาณสตาร์ทมันเสียหายไปด้วย ซึ่งจะเกิดการเสียหายอย่างใหญ่หลวง แล้วก็เราต้องเสียค่าใช้จ่ายมากในการซ่อมครับ แล้วแต่กล่องคอมพิวเตอร์ครับ แต่หลักหมื่นแน่นอนครับ ถ้าเสียจากเดิมที่แบตเตอรี่ลูกละ 2,000-3,000 บาท ก็กลายเป็นหลักหมื่นหรือ 20,000 ได้ ในกรณีที่กล่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ ใบมันเสีย
Q : แล้วสายที่เห็นในคลิปนี่ มีอยู่ในรถทุกยี่ห้อไหมครับ ?
A : สายมอเตอร์สตาร์ทเส้นในคลิปวิดีโอดังกล่าวนะครับ ไม่ได้มีทุกยี่ห้อนะครับ เป็นบางยี่ห้อเท่านั้นที่ปล่อยลอยไว้ ที่เห็นบนกล่องฟิวส์แล้วสามารถปลดออกได้ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ใต้กล่องฟิวส์ครับ มันจะมองไม่เห็นครับ ไม่สามารถปลดได้ครับอันนี้วิศวะกรแต่ละบริษัทก็อาจจะมีความคิดที่แตกต่างกัน
Q : หากปัญหาที่ทำให้สตาร์ทไม่ติดนั้นมาจากแบตเตอรี่อ่อน ควรปฏิบัติดังนี้ ?
A : จากคลิปวิดีโอนะครับ วิธีที่ง่ายที่สุดเมื่อเจอแบตเตอรี่อ่อนแล้วสตาร์ทดังแชะ ไม่ติดอันดับแรกคือถ้าผู้ใช้รถมีพาวเวอร์แบงก์ ซื้อพาวเวอร์แบงก์ติดตัวไว้ก็จะเป็นการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ดีที่สุดเมื่อแบตเตอรี่อ่อน พาวเวอร์แบงก์ที่ใช้กับรถยนต์โดยเฉพาะนะครับ ที่สำหรับสตาร์ทรถยนต์เบนซินและดีเซลนะครับ ให้เลือกดีเซลเป็นหลัก เพราะว่าดีเซลกินกระแสเยอะกว่า
เพราะฉะนั้น พาวเวอร์แบงก์เราก็ต้องมีขนาดโตกว่าหน่อยนะครับ โตกว่าของเครื่องยนต์เบนซิน เพราะเครื่องยนต์เบนซินสตาร์ทกินกระแสน้อยกว่า เพราะถ้าดีเซลได้เบนซินก็ได้ครับ พาวเวอร์แบงก์เดี๋ยวนี้ราคาถูกแล้วครับหาติดรถไว้ครับ
2. ก็คืออาศัยเพื่อนร่วมทางหรือเพื่อนที่อยู่ใกล้ ๆ มาพ่วงแบตเตอรี่สตาร์ทกันจะดีกว่าครับ หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ในกรณีที่แบตเตอรี่นั้นเห็นว่าพังแล้ว ชำรุดแล้วแต่บางครั้งมันไม่ชำรุดเพราะว่าเราไปเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืนโดยที่เราลืมปิดหรือเปิดไฟหน้าทิ้งไว้นะครับ
Q : สรุปแล้ววิธีการสตาร์ทรถยนต์เมื่อแบตเตอรี่อ่อนแบบที่เขาแชร์กันนี้ เป็นยังไงครับ ?
A : เป็นอันตรายมากครับ ในกรณีที่เราไปต่อตามคลิปเข้านะครับ เพราะว่าจะเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงถ้ากรณีที่เกิดการช็อตหรือการอาร์คขึ้นมานะครับ การเปลี่ยนแบตเตอรี่จะง่ายกว่าหรือพ่วงสตาร์ทจะง่ายกว่า ไม่ควรแชร์ต่อครับ
👉 คำแนะนำที่ผิด ๆ อาจจะนำมาซึ่งความเสียหายที่มากกว่านะครับ
#ชัวร์ก่อนแชร์ #sureandshare
-----------------------------------------------------
🎯 หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ "ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์" 🎯
LINE | @SureAndShare หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40sureandshare
FB | Facebook: SureAndShare
Twitter | Twitter: SureAndShare
IG | Instagram: SureAndShare
Website | http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok | TikTok: sureandshare
ข่าวค่ำ | สำนักข่าวไทย อสมท | ช่อง 9 MCOT HD เลข 30 | http://www.tnamcot.com
🎯 ตรวจสอบกับ ดร.นภดล กลิ่นทอง
ที่ปรึกษาสมาชิกอุ่นใจใกล้ช่าง
🔎 ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย พงศ์อิทธิ์ เชิดชูวงศ์
-----------------------------------------------------
📌 สรุป : จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์
Q : วิธีการสตาร์ทรถเมื่อแบตเตอรี่อ่อนแบบที่เขาแชร์กันนี้ จริงไหมครับ ?
A : วิธีนี้เป็นวิธีที่อันตรายครับไม่แนะนำเลย สายที่เขาปลดออกนั่นคือสายของมอเตอร์สตาร์ทโดยตรง โดยปกติแล้วจากสวิตช์กุญแจเราจะผ่านเขาเรียก รีเลย์สตาร์ท
รีเลย์สตาร์ทก็คือมีหน้าที่ต่อสายไฟเส้นที่เราเอามาแตะนี่นะครับ แตะไปโซลินอยด์ผ่านคอนแทคมา มันจะทำให้รีเลย์ลดการกินกระแสไฟฟ้าลง เนื่องจากสวิตช์กุญแจเราผ่านขดลวดรีเลย์เท่านั้น
เพราะฉะนั้น แล้วมันจะกินกระแสน้อยในระบบปกติ ในคลิปที่มันติดได้ เพราะว่าเนื่องจากแบตเตอรี่ยังมีไฟเพียงพอ อยู่ที่จะทำให้มอเตอร์สตาร์ทนั้นหมุนนะครับ ถ้าแบตเตอรี่หมดไม่มีทางติดได้ครับ การที่ไม่มีแบตเตอรี่เลยมันไม่ติด เพราะอะไรนะครับ เนื่องจากมอเตอร์สตาร์ทกินกระแสสูงนะครับ ที่เราเห็นนั่นคือเป็นตัวแค่เปิดสะพานไฟนะครับ นำสะพานไฟเข้าไปต่อเฉย ๆ ตัวกินกระแสใหญ่ ๆ คือตัวมอเตอร์สตาร์ทซึ่งมันกินกระแสอย่างเครื่องยนต์ดีเซล 70 - 100 แอมป์ เครื่องยนต์เบนซินก็ประมาณ 60 - 70 แอมป์
เพราะฉะนั้นแล้ว การกินกระแสสูงแบตเตอรี่จะต้องใช้พลังงานเยอะที่สุด จึงสังเกตได้ว่า ในขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์ จะเห็นว่าไฟทุกดวงในรถจะดับหมด เขาถึงห้ามเปิดแอร์ ห้ามเปิดไฟหน้าไว้นะครับ อันนี้คือเหตุผลก็คือต้องการเอาพลังงานทั้งหมดไปให้มอเตอร์สตาร์ทหมุนเครื่องยนต์ครับ
Q : ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ?
A : การที่ต่อแบตเตอรี่ตรง เนื่องจากสายนี้มันมีขั้วพลาสติกอยู่ขั้วโลหะ มันจะอยู่ลึกมันจะเกิดการอาร์คขึ้น เพราะกินกระแสสูง อาจจะทำให้สายเส้นนั้น ชำรุดเสียหายได้ครับ เนื่องจากรถยนต์ทุกวันนี้มันมีกล่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้สัญญาณสตาร์ท หรือสัญญาณที่เราต่อไปมอเตอร์สตาร์ทนี่หล่ะ ไปใช้ในระบบต่าง ๆ มากมาย
เพราะฉะนั้น แล้วถ้าเกิดการอาร์คหรือการกินกระแสสูง ๆ อาจจะทำให้กล่องคอมพิวเตอร์พวกนั้นชำรุดได้ครับ อย่างอื่นที่เสียหายแน่ ๆ คือขั้วมอเตอร์สตาร์ทที่เราจิ้มหล่ะครับ ที่เราเอาไปแตะมันจะเกิดการอาร์คนะครับ ขั้วโลหะอาจจะเกิดรอยไหม้เมื่อต่อกลับไปมันอาจจะใช้งานไม่ได้ครับ
Q : ที่ปรึกษาสมาชิกอุ่นใจใกล้ช่าง ยังอธิบายเพิ่มเติม ?
A : ถ้ารถยนต์เราเป็นระบบ Stop & Start หรือมีปุ่มสตาร์ทไม่แนะนำให้ทำเลยครับ เพราะจะเกิดข้อผิดพลาดข้อเสียหายเยอะนะครับ เช่น กล่องควบคุมการสตาร์ท สวิตช์สตาร์ทด้วย เพราะว่าสายสตาร์ทอย่างที่ผมกล่าวไว้แล้วว่า สายสตาร์ทมันต่อไปยังคอมพิวเตอร์อื่น ๆ อีกมากมายในรถรุ่นใหม่ ๆ
เพราะฉะนั้นแล้ว การที่เกิดการอาร์คทำให้กล่อง ECU ในระบบที่ต่อไปยังมอเตอร์สตาร์ทต่อพ่วงมาจากสัญญาณสตาร์ทมันเสียหายไปด้วย ซึ่งจะเกิดการเสียหายอย่างใหญ่หลวง แล้วก็เราต้องเสียค่าใช้จ่ายมากในการซ่อมครับ แล้วแต่กล่องคอมพิวเตอร์ครับ แต่หลักหมื่นแน่นอนครับ ถ้าเสียจากเดิมที่แบตเตอรี่ลูกละ 2,000-3,000 บาท ก็กลายเป็นหลักหมื่นหรือ 20,000 ได้ ในกรณีที่กล่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ ใบมันเสีย
Q : แล้วสายที่เห็นในคลิปนี่ มีอยู่ในรถทุกยี่ห้อไหมครับ ?
A : สายมอเตอร์สตาร์ทเส้นในคลิปวิดีโอดังกล่าวนะครับ ไม่ได้มีทุกยี่ห้อนะครับ เป็นบางยี่ห้อเท่านั้นที่ปล่อยลอยไว้ ที่เห็นบนกล่องฟิวส์แล้วสามารถปลดออกได้ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ใต้กล่องฟิวส์ครับ มันจะมองไม่เห็นครับ ไม่สามารถปลดได้ครับอันนี้วิศวะกรแต่ละบริษัทก็อาจจะมีความคิดที่แตกต่างกัน
Q : หากปัญหาที่ทำให้สตาร์ทไม่ติดนั้นมาจากแบตเตอรี่อ่อน ควรปฏิบัติดังนี้ ?
A : จากคลิปวิดีโอนะครับ วิธีที่ง่ายที่สุดเมื่อเจอแบตเตอรี่อ่อนแล้วสตาร์ทดังแชะ ไม่ติดอันดับแรกคือถ้าผู้ใช้รถมีพาวเวอร์แบงก์ ซื้อพาวเวอร์แบงก์ติดตัวไว้ก็จะเป็นการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ดีที่สุดเมื่อแบตเตอรี่อ่อน พาวเวอร์แบงก์ที่ใช้กับรถยนต์โดยเฉพาะนะครับ ที่สำหรับสตาร์ทรถยนต์เบนซินและดีเซลนะครับ ให้เลือกดีเซลเป็นหลัก เพราะว่าดีเซลกินกระแสเยอะกว่า
เพราะฉะนั้น พาวเวอร์แบงก์เราก็ต้องมีขนาดโตกว่าหน่อยนะครับ โตกว่าของเครื่องยนต์เบนซิน เพราะเครื่องยนต์เบนซินสตาร์ทกินกระแสน้อยกว่า เพราะถ้าดีเซลได้เบนซินก็ได้ครับ พาวเวอร์แบงก์เดี๋ยวนี้ราคาถูกแล้วครับหาติดรถไว้ครับ
2. ก็คืออาศัยเพื่อนร่วมทางหรือเพื่อนที่อยู่ใกล้ ๆ มาพ่วงแบตเตอรี่สตาร์ทกันจะดีกว่าครับ หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ในกรณีที่แบตเตอรี่นั้นเห็นว่าพังแล้ว ชำรุดแล้วแต่บางครั้งมันไม่ชำรุดเพราะว่าเราไปเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืนโดยที่เราลืมปิดหรือเปิดไฟหน้าทิ้งไว้นะครับ
Q : สรุปแล้ววิธีการสตาร์ทรถยนต์เมื่อแบตเตอรี่อ่อนแบบที่เขาแชร์กันนี้ เป็นยังไงครับ ?
A : เป็นอันตรายมากครับ ในกรณีที่เราไปต่อตามคลิปเข้านะครับ เพราะว่าจะเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงถ้ากรณีที่เกิดการช็อตหรือการอาร์คขึ้นมานะครับ การเปลี่ยนแบตเตอรี่จะง่ายกว่าหรือพ่วงสตาร์ทจะง่ายกว่า ไม่ควรแชร์ต่อครับ
👉 คำแนะนำที่ผิด ๆ อาจจะนำมาซึ่งความเสียหายที่มากกว่านะครับ
#ชัวร์ก่อนแชร์ #sureandshare
-----------------------------------------------------
🎯 หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ "ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์" 🎯
LINE | @SureAndShare หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40sureandshare
FB | Facebook: SureAndShare
Twitter | Twitter: SureAndShare
IG | Instagram: SureAndShare
Website | http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok | TikTok: sureandshare
ข่าวค่ำ | สำนักข่าวไทย อสมท | ช่อง 9 MCOT HD เลข 30 | http://www.tnamcot.com
2 سال پیش
در تاریخ 1401/02/25 منتشر شده
است.
230,873
بـار بازدید شده